กอหวายชะเง้อมองหามารดา หลังจากจอดรถยนต์รออยู่บริเวณด้าน หน้าโรงแรมยักษ์ใหญ่ ผู้คนเดินผ่านไปมาลูกสาวจึงพยายามชะเง้อมองแต่ยังไม่เห็นมารดาออกมา เมื่อมองดูไปรอบๆ พลันสายตาได้พบเห็นหญิงสาวสูงสง่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก รอยยิ้มนั้นทำให้ถึงกับยิ้มตามเลยทีเดียว
“ถ้าเป็นผู้ชายคงออกอาการแน่เลย ยายหวายเอ๊ย” กอหวายอมยิ้ม เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองคิด รอยยิ้มนั้นยังคงอยู่และตรึงสายตาของกอหวายเอา ไว้เนิ่นนาน จนเมื่อเห็นมารดาเดินเข้าไปพูดคุยกับหญิงสาวคนนั้นและมัวแต่จ้องมองรอยยิ้มกับเรียวปากทำให้ไม่ทันได้สังเกตหน้าตาสักเท่าไร หากดูจากทรวดทรงองเอวคงสวยไม่เบาเลยทีเดียว
“ดีใจที่ได้เจอเธอนะ ธูปหอม” มารดาของกอหวายบอกกับเพื่อนที่เดินมาช่วยเปิดประตูรถยนต์ให้
“น้าธูปหอม เพื่อนแม่” เกื้อกูลบอกลูกสาวที่รีบพนมมือไหว้ทันที ธูปหอมรับไหว้แล้วยิ้มให้กอหวาย โดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร
กอหวายมองดูธูปหอมที่ปิดประตูรถยนต์แล้วโบกมือให้ จึงค่อยๆ เคลื่อนรถขับออกมา แต่ไอ้เจ้าสายตาก็ยังอยากจะเห็นเลยมองดูผ่านกระจกหน้ารถ จนกระทั่งเห็นเพื่อนของมารดาเดินไปทักทายชายหนุ่มที่ขับรถมารับซึ่งท่าทางสนิทสนมกัน กอหวายยิ้มที่จู่ๆ ก็สนใจถึงกับลอบมองดูจนลับตา
“อายุปูนนี้แล้ว ยังไม่เลิกลอยไปลอยมา ไม่คบใครจริงจังสักที”
“บ่นหวายอยู่หรือเปล่าเนี่ย” กอหวายถาม
“ฉันบ่นเพื่อนฉันต่างหาก” เกื้อกูลบอกลูกสาว
“สวยเลือกได้ล่ะมั้งคะ แต่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“จะเห็นได้ไงล่ะ ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย ก็เพิ่งได้เจอกันนี่แหละ”
“น้ำเสียงแปร่งๆ นะคะ” กอหวายพูดยิ้มๆ
“ช่างจับผิดฉันเหลือเกิน” เกื้อกูลพูดต่อว่าลูกสาว
“เหมือนไม่ค่อยสนิทกัน”
“ไม่สนิทน่ะ ดีแล้ว รักทุกคนจนไม่ตกล่องปล่องชิ้นกับใครเสียที”
“แค่ไม่เจอคนที่ใช่ ไม่แย่งสามีใครก็ไม่ผิดนะคะ” กอหวายบอก
“ออกรับแทนเกินไปนะ กินข้าวกินปลาหรือยัง ชวนให้เข้าไปกินข้าวในงานก็ไม่ยอมเข้าไป” เกื้อกูลพูดบ่นลูกสาว
“30 แล้วนะเจ้าคะ ไม่ใช่เด็กที่ต้องรอแม่มาป้อนข้าวให้”
“ยอกย้อน ทำไมไม่ตอบฉันว่า กินแล้วหรือยังไม่กิน ก็แค่นั้น”
“เจอเพื่อนแทนที่จะอารมณ์ดี ใครทำให้อารมณ์เสียคะ” กอหวายหันไปถามมารดาที่ไม่ตอบและกำลังเอนตัวแล้วหลับตาลง
กอหวายยิ้ม ขณะมองดูมารดาที่ท่าทางจะหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ไวน์ที่นานๆ ครั้งถึงจะดื่มและคงเหนื่อยด้วย เพราะเวลาล่วงเลยมามากกว่าที่
คาดเอาไว้ กอหวายส่ายหน้าเล็กน้อย เพื่อจะสลัดภาพบางภาพออกไปจากความคิด
“เลิกคิดได้แล้ว ผู้หญิงอะไรปากสวยได้รูปขนาดนั้นนะ ยังไอ้ลักยิ้มน่ารักนั่นอีก” กอหวายบ่นพึมพำ แต่ก็ยังยิ้มไปจนกระทั่งถึงบ้าน
จอมทัพซึ่งเป็นบิดาของกอหวายออกมาเปิดประตูให้ แม้คนที่กำลังขับรถเข้ามาอยากให้พักผ่อนเพราะดึกมาแล้ว แต่การได้เห็นภรรยากับลูกสาวกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยต่างหากที่จะทำให้นอนหลับสบาย
“แกล้งอะไรแม่อีกล่ะ เจ้าหวาย ถึงได้ยิ้มเสียแก้มแดงเลย” จอมทัพถามลูกสาวที่เอามือจับแก้มทั้งสองข้าง
“ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” กอหวายบอกจอมทัพที่ส่ายหน้าก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูรถให้เกื้อกูล
“เจ้าหวายไปเจอหนุ่มที่ไหนมา ถึงได้ขับรถยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาเลย” จอมทัพถามเกื้อกูลที่หันไปมองกอหวายที่รีบเดินจ้ำอ้าวนำหน้าเข้าบ้านไป
“ยอมเข้าไปในงานเสียที่ไหนล่ะ ไอ้เรามีลูกเป็นนางแบบอยากจะพาไปอวดเสียหน่อย แม่ลูกสาวคุณเขาก็แค่ขับรถไปส่งแล้วก็คงไปหาอะไรกินแถวๆ หน้าโรงแรมนั่นแหละ” เกื้อกูลบอกจอมทัพ
“ไว้ค่อยตะล่อมถามเอา ไปๆ คุณก็รีบไปอาบน้ำเข้านอนดึกแล้ว ไม่อย่างนั้นตื่นมาจะมึนหัวเอา” จอมทัพยิ้ม เมื่อภรรยาหันมาหยิกเข้าให้
“ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อยนะ คุณก็”
“เพิ่งจะ 55 เองเนอะ” จอมทัพหัวเราะคิกคักมองดูเกื้อกูลที่เดินเข้าไปตรวจดูรอบบ้านก่อนจะเข้าห้องไป
“ยังไงเรา เจ้าหวาย” จอมทัพเดินมาถามลูกสาวที่กำลังดื่มน้ำอยู่
“ไม่มีอะไรเลยค่ะ เจอแต่เพื่อนสาวสวยของแม่คนเดียวเอง”
“เพื่อนแม่แกมีสวยๆ ด้วยหรือ พ่อนึกไม่ออก” จอมทัพหัวเราะ
“เบาๆ เดี๋ยวแม่ได้ยินเข้า โดนเล่นงานทั้งพ่อทั้งลูกแน่”
“เจอเพื่อนแม่ แล้วจะยิ้มแก้มป่องทำไมกัน เจ้าหวายเอ๊ย”
“สวยจนอิจฉาเลยยิ้มมาตลอดทางเลยค่ะ” กอหวายหัวเราะ
“ส่องกระจกดูตัวเองก็ได้มั้ง ถ้าได้เห็นคนสวยแล้วมีความสุข”
“ฝันดีนะคะ คุณจอมทัพ หนุ่มหล่อที่สุดในชีวิตลูก” กอหวายเข้าไปสวมกอดบิดาแล้วขอตัวไปอาบน้ำเข้านอน

ธูปหอมลุกขึ้นบิดตัวไปมาก่อนจะเดินไปมองดูบรรยากาศรอบๆ ซึ่งเป็นตึกสูงตระหง่าน แม้เป็นภาพที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่เจ้าตัวยังคงชอบมองดูความเปลี่ยนแปลง เพราะทำให้หวนนึกถึงภาพเก่าๆ ที่เคยพบเห็น
บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดจากบิดามารดา ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วโดยธูปหอมต่อเติมด้านหน้าเปิดเป็นห้องสมุดจากห้องเล็กๆ ก็ถูกขยายจนเต็มพื้นที่หน้าบ้าน และด้วยทำเลที่อยู่ติดถนนทำให้บ้านของธูปหอมได้รับความสนใจอยู่ค่อนข้างมาก นอกจากห้องสมุดที่มีหนังสือมากมายให้อ่าน ยังมีร้านหนังสือจำหน่ายอยู่ในบริเวณเดียวกันด้วย พื้นที่ถูกจัดสรรปันส่วนอย่างดี โดยการออกแบบของเจ้าของบ้านเองที่ค่อยๆ ขยายและตกแต่งทีละเล็กละน้อย
ธูปหอมตื่นแต่เช้า เพราะจะมีลูกค้าเจ้าประจำมาซื้อหนังสือพิมพ์และเช้านี้ก็เหมือนทุกวัน เมื่อเห็นชายสูงวัยยืนอยู่หน้าร้าน ธูปหอมจึงรีบไปเปิดประตูรับทันที
“มาเช้ามากนะคะ” ธูปหอมเอ่ยทักทายชายสูงวัยที่หัวเราะออกมา
“คนแก่นอนน้อย ซื้อกาแฟมาฝากธูปด้วย” ชายสูงวัยชูแก้วกาแฟที่ถืออยู่ในมือ
“ขอบคุณค่ะ แต่ร้านห้ามเอาเครื่องดื่มหรืออาหารเข้ามาทานนะคะ” ธูปหอมหัวเราะเล็กๆ เมื่อเห็นชายสูงวัยพยักหน้าให้
“รู้น่าเป็นลูกค้าประจำ ธูปหยิบหนังสือพิมพ์มาให้ลุงด้วยล่ะ”
ชายสูงวัยชื่อว่า ลุงบุญ ซึ่งรู้จักกับครอบครัวธูปหอมเป็นอย่างดีเหมือนเป็นญาติคนหนึ่งในความรู้สึกของธูปหอม บรรยากาศหน้าร้านรถราเริ่มวิ่งกันดูวุ่นวาย แต่บุคคลต่างวัยทั้งสองสนทนากันอย่างมีความสุขพร้อมกับกาแฟดำโบราณที่ไม่มีความหวานเจือปนอยู่เลยแม้แต่น้อย ธูปหอมใช้ชีวิตเรียบง่ายกับร้านหนังสือและห้องสมุดของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้เพื่อนๆ แปลกใจ เมื่อได้พบเธอที่งานเลี้ยงรุ่น ธูปหอมเองไม่รู้ทำไมถึงได้ตกปากรับคำไปร่วมงานที่แสนจะน่าเบื่อนั้น
“งานเลี้ยงเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” ลุงบุญถาม
“น่าเบื่อดีค่ะ” ธูปหอมหัวเราะ ลุงบุญก็เช่นกัน
“คนไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ยังไปงานเลี้ยงสังสรรค์” ลุงบุญหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ
“ครั้งเดียวเข็ดเลยค่ะ สงสัยหนูอยู่ร้านหนังสือกับห้องสมุดจนเคยชิน หรืออยู่กับความเงียบมากเกินไปพอเจอความวุ่นวายเข้าให้เบื่อเลยทีนี้” ธูปหอมบอกกับชายสูงวัยที่หัวเราะอีกครั้ง
“พระพรหมท่านขีดเส้นทางให้เราเดินเสมอ” ลุงบุญหันมายิ้มให้
“หนูน่ะ อายุ 50 กว่าแล้วนะคะ ลุง” ธูปหอมบอก
“ไอ้ที่เขายังมาวนเวียน เพียรมาหา ก็ไม่ตกลงปลงใจกับเขาสักที”


เขียน: ลำเนา

จำนวนหน้า: 321

ขนาด: A5

ของแถม: Postcard

ทดลองอ่าน:  คลิ๊ก

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

เฉพาะลูกค้าที่เข้าสู่ระบบ และเคยซื้อสินค้าชิ้นนี้แล้วเท่านั้น ที่เขียนบทวิจารณ์ได้

© 2021 lily house.
LINE LOGO SVG