แพทย์หญิงชมเชยเชิญที่ห้องผู้อำนวยการด้วยค่ะ เสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลทำเอาชมเชยถอนใจ หลังจากได้ยินประกาศเรียกอยู่หลายครั้ง นางพยาบาลที่ช่วยงานยิ้มน้อยๆ ให้แล้วพยักหน้า
“เชิญค่ะ ทางนี้เดี๋ยวดิฉันจัดการเองค่ะ หมอเชย” แพทย์ที่นั่งพักอยู่บอกและเดินมารับหน้าที่แทนชมเชยที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะออกจากห้องฉุกเฉินของตึกอุบัติเหตุไป
เวลาบ่ายคล้อยผู้คนที่มารับการรักษาเบาบางไปบ้าง ชมเชยไม่ได้รีบร้อนนัก จึงมองดูคนป่วยและญาติที่มารอรับการบริการจากโรงพยาบาล
“เชิญครับ” ชมเชยมายืนอยู่ที่หน้าห้องผู้อำนวยการครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในหลังจากได้ยินเจ้าของห้องบอกอนุญาตแล้ว
“ทำไมมาช้านักครับ” เสียงของชายหนุ่มที่กำลังเซ็นเอกสารถาม
“อยู่ที่ตึกอุบัติเหตุเลยมาถึงช้าหน่อย” ชมเชยบอก
“ตกลงเรื่องงานบริหาร คุณพี่เชยตัดสินใจหรือยังครับ”
“งานบริหารใครทำก็ได้ จ้างคนนอกก็ได้ แต่หมอหายากกว่าหรือเปล่า” ชมเชยถามกลับ
“ถ้าเป็นแพทย์เฉพาะทางผมไม่เถียงว่าหายาก แต่คุณพี่เชยเป็นถึงพี่สาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม่เห็นต้องลงไปทำงานเองเลย”
“เป็นหมอไม่ดีตรงไหน” ชมเชยถาม
“แล้วเป็นหมอที่บริหารโรงพยาบาล ไม่ดีตรงไหน” ชิดชนกถามกลับ
“ขี้เกียจเถียง ตกลงพี่รับงานบริหาร แต่จะทำงานที่ตึกเหมือนเดิมด้วย ตกลงตามนี้ คุณชิดพอใจหรือไม่” ชมเชยถามน้องชาย
“ถ้าคิดว่าทำไหว ก็เชิญตามสบาย ผมแค่หวังดีกับคุณพี่เชยครับ” ชิดชนกน้ำเสียงที่พูดฟังดูไม่ค่อยพอใจนัก
“ขอบคุณค่ะ” ชมเชยบอกและกำลังจะออกจากห้องไป
“เดี๋ยวครับ ผมจะปรับปรุงบ้านทั้งของผมและของคุณพี่เชยหวังว่าไม่มีปัญหาอะไรนะครับ” ชิดชนกบอกและยิ้มน้อยๆ ให้ชมเชย ซึ่งเป็นพี่สาวและเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียว
“ถ้าจะให้ทำอย่างไร ก็แจ้งรายละเอียดมาได้เลยค่ะ” สองพี่น้องพูด คุยกันด้วยถ้อยคำสุภาพเรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก เพราะบิดามารดาพูดกับลูกทั้งสองในแบบเดียวกัน
“รายละเอียดผมจะฝากไว้ที่คุณวานะครับ” ชิดชนกเป็นผู้ชายที่ถือว่าเป็นคนเจ้าระเบียบ เพราะสนิทสนมกับมารดา ซึ่งเป็นผู้ดีเก่าทำให้เป็นชายหนุ่มที่มีความสุภาพค่อนข้างมาก สำหรับชมเชยก็เป็นผู้หญิงเรียบร้อย หากจะชั่งน้ำหนักหรือถามว่าใครเรียบร้อยกว่ากัน ชิดชนกคงชนะขาดลอยไม่ว่า
ผู้ตัดสินหรือผู้ให้ความคิดเห็นคนนั้นเป็นใครก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ พี่ขอตัวก่อนนะคะ” ชมเชยบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปยืนหาวด้วยเพราะความเหนื่อยล้า เมื่อดูนาฬิกาข้อมือจึงรู้ว่าล่วงเลยเวลาทำงานของตัวเองไปมากแล้ว แต่ด้วยติดคนไข้ที่ได้รับอุบัติเหตุทำให้ ไม่ได้สนใจเรื่องเวลาและถูกเรียกตัวมาพบอีก ชมเชยยิ้ม เมื่อนึกถึงความสุข อันแสนสงบซึ่งรออยู่ที่บ้าน เพราะถึงแม้จะอยู่บ้านเดียวกับน้องชาย แต่บ้านถูกแบ่งสัดส่วนจากกันจนเกือบจะเป็นคนละหลังอยู่แล้ว

กลิ่นของแกงส้มหอมหวนชวนให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ชมเชยยิ้ม เพราะเพิ่งเอ่ยปากบ่นไปเมื่อวานว่าอยากทาน
“ไข่เจียว ปลาสลิด ทายผิดยอมอดข้าวฝีมือคุณวาเลยคอยดู” ชมเชยยิ้มรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะถูกต่อว่าอยู่บ่อยๆ เรื่องการทำงานซึ่งเนื้อตัวอาจจะติดเชื้อโรคมาจากโรงพยาบาล คนที่บ่นไม่ใช่ใครที่ไหนซึ่งก็คือ น้องชายคนเดียวที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลและยังเป็นเจ้านายของชมเชยด้วย เสื้อผ้าถูกจัดวางไว้ให้อย่างเป็นระเบียบ วราลีดูแลทุกอย่าง บางเรื่องไม่ถึงกับต้องลงมือทำเอง แต่มีหน้าที่ดูแลสั่งการณ์ให้คนทำงานทำให้อีกทีเพื่อทุกอย่างจะได้ไม่ขาดตกบกพร่อง วราลีถูกคัดเลือกมา โดยได้รับการไว้วางใจจากชิดชนก ซึ่งวราลีไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
“เรือนโน้นคงไม่ใช่แกงส้ม ใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้น คุณวาคงได้โดนเอ็ดแน่” ชมเชยยิ้ม เมื่อวราลีตักข้าวใส่ให้ในจาน
“แกงจืดกับผัดผักค่ะ เดี๋ยวคงกลับตามคุณเชยมา” วราลีบอก
“ทานด้วยกันสิคะ” ชมเชยเอ่ยชวน แต่วราลีเพียงแค่ยิ้มให้ไม่เคยที่
จะนั่งร่วมโต๊ะด้วยเลยสักครั้ง ซึ่งชมเชยรู้ว่าคงกลัวชิดชนกจะเห็นและมาต่อว่าเอา แต่แอบหวังว่าสักวันจะมีเพื่อนร่วมรับประทานอาหารด้วย
วราลีพักอยู่กับชมเชย เพราะหากไปพักอยู่ในส่วนของชิดชนกจะดูไม่ดี โดยคนที่คิดไม่ใช่วราลี แต่เป็นตัวชิดชนกเอง วราลีมีผู้ช่วยทำงานบ้านสองคนที่มีเรือนพักอยู่ทางด้านหลังและยังมีคนดูแลสวน รวมคนขับรถของชิดชนกด้วย
“มาแล้วค่ะ” ชมเชยบอก เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของชิดชนก
“เดี๋ยววามานะคะ ไปตั้งโต๊ะให้คุณชิดก่อน” วราลีบอก แต่ไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะกว่าชิดชนกจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลาค่อนข้างมาก ซึ่งต่างกับพี่สาวที่เป็นผู้หญิง ชมเชยมองดูวราลีที่เดินออกไปและพูดสั่งอะไรคนทำงานบ้านก่อนจะเดินหายไปเพื่อเตรียมจัดสำรับสำหรับชิดชนก
แกงส้มมะรุมทำเอาคุณหมอสาวแอบตักข้าวเพิ่ม หลังจากหันไปหันมาไม่เห็นใครทำเหมือนกลัวจะโดนใครว่า ชมเชยยิ้มๆ แอบนึกถึงเพื่อนสมัยเรียนที่ตัวอ้วนกลมชอบพูดว่าอาหารเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนมีความสุข
“เติมข้าว คุณชิดเห็นเข้าคงบ่นตายเลย” ชมเชยพูดยิ้มๆ มองไปทางเรือนของน้องชาย ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไรนัก แต่ชิดชนกไม่ค่อยเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายด้วย หากจะมาหาส่วนใหญ่จะตะโกนเรียกอยู่ที่ประตูหน้า
หลังอาหารชมเชยออกมาเดินดูต้นไม้ด้านนอก ซึ่งได้รับการดูแลจากคนสวนเป็นอย่างดี หลังฝนตกทำให้อากาศสดชื่นขึ้นมาก ไม่ร้อนเหมือนกับทุกวันแถมยังมีกลิ่นไอดินที่ทำให้รู้สึกชุ่มชื่นไปถึงหัวใจ
“ฝนปรอยๆ แล้วนะคะ เดี๋ยวคุณเรือนโน้นเห็นเข้าได้โดนดุพอดี”
“เวลาโดนบ่นเรื่องเจ็บป่วย เชยลืมไปเลยว่า ตัวเองเป็นหมอ”
วราลีเดินตามชมเชยเข้ามา และเริ่มตรวจตราประตูหน้าต่างว่าปิดเรียบร้อยดีหรือยัง ส่วนที่เรือนของชิดชนกเจ้าตัวเป็นคนตรวจดูเอง หรือไม่ก็เรียกให้คนขับรถช่วยดูก่อน เมื่อม่านรอบบ้านถูกปิดลง ชมเชยจึงเดินเข้ามาสวมกอดวราลีเอาไว้จากทางด้านหลังคางเกยอยู่ที่ไหล่ วราลียืนนิ่งๆ เพราะชมเชยมักพูดเสมอว่าเวลาได้กอดเธอแล้วรู้สึกสบายใจหายเหนื่อยได้เสมอ
“ไม่ต้องทำแล้วล่ะค่ะ พักได้แล้ว” ชมเชยบอกแล้วหอมแก้มวราลีที่เบี่ยงหน้าหนีเล็กน้อย เพราะเนื้อตัวยังไม่สะอาดแถมยังมีกลิ่นอาหารด้วย
“วาตัวเหม็นออกค่ะ” วราลีบอก
“ไม่เห็นเหม็นเลย ถ้าคุณวาไม่หยุดทำงาน เชยจะไปช่วยนะ”
“เหนื่อยหรือคะ วันนี้” วราลีถาม
“ลืมเวลาไปเลยค่ะ คุณวาล่ะเหนื่อยไหม” ชมเชยจับมือพาเดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขก
“ไม่หรอกค่ะ เหมือนทุกวันนั่นแหละ” วราลีบอก
“ขยับไปหน่อยได้ไหมคะ” ชมเชยยิ้มอายๆ วราลีทำตามที่บอก
“วาขอไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะคะ ไหนจะกลิ่นอาหาร ไหนจะเหงื่อ” วราลีทำท่าจะลุกขึ้น แต่ถูกจับมือและดึงตัวจนนั่งลงบนตักของชมเชยที่กอดกระชับเอาไว้เล็กน้อย
“ให้สิบนาทีนะคะ” ชมเชยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่พอค่ะ น่าจะต้องสักยี่สิบ” วราลียิ้มน้อยๆ
“ทีกับคุณชิดไม่เห็นจะเคยต่อรองอะไรเลย กับเชยต่อลองเพิ่มอีกตั้ง
เท่าตัว คุณวารักลำเอียง” วราลีอมยิ้ม เมื่อได้ยินการพูดต่อว่าอย่างน่าเอ็นดู
“สิบห้านาที ได้ไหมคะ” วราลีถามและจูบเล็กๆ ไปที่ปลายจมูกของ
ชมเชยที่แก้มมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที
“ยี่สิบก็ได้ค่ะ เชยแกล้งงอแงไปอย่างนั้นเอง ตามสบายนะคะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ชมเชยยิ้มและจูบเบาๆ ไปที่แก้ม ก่อนจะคลายอ้อมกอดออกปล่อยให้วราลีได้ไปพักอาบน้ำอาบท่า ส่วนตัวเองมองดูจนวราลีหายเข้าห้องไปจึงเอนตัวและหลับตาลงพักสายตา แต่ยังคงหวนคิดเรื่องคำสั่งที่อยากให้ชมเชยทำงานบริหาร ซึ่งคงดูแลในส่วนของตึกอุบัติเหตุที่ทำงานอยู่

หลังรับประทานอาหาร ชิดชนกจะอ่านหนังสือหรือทำงานต่อโดยรอจนกว่าไฟที่เรือนของชมเชยดับลงถึงเข้านอน ซึ่งคงอีกสักพักใหญ่ๆ เพราะตอนนี้ยังหัวค่ำอยู่
“อยากนอนชั้นบนหรือชั้นล่างคะ” เสียงของวราลีทำให้ชมเชยยิ้ม
“นอนข้างบนดีกว่าไหม คุณวาจะได้นอนสบายหน่อย” ชมเชยบอก
“แล้วแต่คุณเชยเลยค่ะ ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” วราลีสังเกตท่าทางเหนื่อยล้ากับแววตาที่ดูมีกังวล จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องเก่าที่เคยเล่านั่นแหละค่ะ ผัดผ่อนไม่ได้แล้ว คุณชิดยื่นคำขาดมา แต่เชยยังทำงานที่ห้องฉุกเฉินและควบงานบริหารด้วย” ชมเชยบอก
“ดีค่ะ จะได้ไม่มีปัญหา” วราลียิ้มน้อยๆ มองดูคนที่กำลังจะเอนตัวลงนอนหนุนตัก จึงขยับตัวไปจนชิดกับพนักเก้าอี้รับแขกเพื่อชมเชยได้นอนเหยียดยาวอย่างสบาย
“ขอยืมมือด้วยค่ะ” ชมเชยมองสบตากับวราลีที่ยิ้มอายๆ ก่อนนำมือ
ไปทาบที่แก้ม อีกมือหนึ่งชมเชยนำมาวางไว้ที่อกโดยเอามือตัวเองทาบทับไว้

 


เขียนโดย: ลำเนา

จำนวนหน้า: 322

ขนาด: A5

ของแถม: โปสการ์ด

ทดลองอ่าน:คลิ๊ก

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

เฉพาะลูกค้าที่เข้าสู่ระบบ และเคยซื้อสินค้าชิ้นนี้แล้วเท่านั้น ที่เขียนบทวิจารณ์ได้

© 2021 lily house.
LINE LOGO SVG