“จบเกียรตินิยมรัฐศาสตร์ ต้องมายืนงงอยู่ในดงวัว หรือเขาเรียกฝูงวัวกันนะ” หญิงสาวยืนงงๆ หลังลงจากรถสองแถว ซึ่งลุ้นมาตลอดทางว่าจะโดนพาเข้ารกเข้าพงไปก่อนถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ แต่เมื่อถึงที่หมายซึ่งป้ายเขียนเอาไว้ว่า ไร่ใจเดียวทำให้สบายใจขึ้น ส่วนไอ้เจ้าฝูงวัวที่ห้อมล้อมอยู่ไม่รู้ว่ามาต้อนรับพนักงานใหม่หรืออย่างไร หญิงสาวชะเง้อชะแง้มองเข้าไปภายใน ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่เขียวขจีปกคลุมอยู่ โดยฝูงวัวยังคงหยุดยืนประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นพวกเดียวกัน สาวเจ้าค่อยๆ ขยับตัวเพื่อฝ่าวงล้อมโดยมีที่หมายก็คือ บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา โดยไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเดินนานขนาดไหน
“แค่เริ่มต้นก็เหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะอยู่ได้นานสักเท่าไรกันว๊ะ” ไม่ทันขาดคำสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา
“เอา เอาเข้าไปจัดมาให้เต็มที่ ต้อนรับอย่างหนักหน่วงเลย นี่ยังไม่เจอแม่นายใจเดียวเลยนะเนี่ย” หญิงสาวเดินบ่นพึมพำตากฝนที่เริ่มลงหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อจะได้ถึงที่หมายเร็วขึ้น เพราะไม่อย่าง นั้นมีหวังคงได้เป็นไข้ก่อนเริ่มงาน
กางเกงสีขาวที่สวมใส่มากลายเป็นสีเทากระดำกระด่างเต็มไปด้วยขี้โคลน หญิงสาวยืนหอบอยู่ด้านหน้าตัวบ้าน ซึ่งไม่มีผู้คนโดยมีป้ายบอกเอา ไว้ว่าเป็นสำนักงาน เสียงหัวเราะดังแว่วๆ พอได้ยินปะปนมากับเสียงฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อากาศหนาวเหน็บในความรู้สึกสำหรับคนที่เพิ่งมาถึง
“จะไหวไหมขอรับ คนงานมาใหม่ใส่กางเกงสีขาว เอ๊ะหรือควรเรียก ว่าสีโคลน เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวรู้สึกขุ่นเคืองใจ แต่ด้วยเพิ่งมาใหม่ จึงเลือกที่จะสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“มาถึงปากประตูแล้ว น่าจะไหวนะคะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับรีบพนมมือไหว้ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่ดูท่าทางน่าจะอายุมากกว่าตัวเอง
“ตามมา” ชายหนุ่มพูดขึ้น ขณะมองดูหญิงสาวซึ่งแต่งตัวเหมือนสาวชาวกรุงที่เคยเห็นมาบ้างทำให้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ไม่รู้ทำไมแม่นายถึงได้เลือกแม่สาวคนนี้เข้ามาทำงานมากกว่า
“ตามไปไหน” เมื่อน้ำเสียงห้วนมา จึงมีน้ำเสียงห้วนๆ ตอบกลับไป
“ไม่มาก็ตามใจ หรือจะยืนหนาวตายอยู่ก็เรื่องของคุณ” ชายหนุ่มบอกและรีบเดินนำหน้าไป
“ยังๆ เดินทางมาก็ลำบากจะแย่ ยังจะมาเจอคนแย่ๆ อีกหรือ ไม่อยากคิดเลยว่า แม่นายของที่นี่จะขนาดไหน” หญิงสาวบ่นพึมพำ แต่รีบเดินตามชายหนุ่มที่พูดจาห้วนๆ ไป เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้ยืนหนาวตายอยู่หน้าสำนักงาน เพราะมองไปไม่เห็นใครนอกจากชายหนุ่มหน้านิ่งที่พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แถมยังไอ้เจ้าเสียงหัวเราะกวนๆ กับสายตาที่มองมาแปลกๆ นั่นอีก
“ห้องเธอ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและพักผ่อนตามสบาย มื้อเย็นพร้อมกันตอนห้าโมง อ๊ะๆ อย่ามาพูดโน่นนี่อะไรนัก กรุณาทำตาม ถ้าไม่มาก็ไม่มีอะไรให้กิน เข้าใจ๋” ชายหนุ่มยิ้มๆ รอยยิ้มนั้นแสนจะกวนในความรู้สึกของหญิงสาวที่เพิ่งมาใหม่
“กราบขอบพระคุณในความกรุณาค่ะ” หญิงสาวรับกุญแจห้องพักมาจากชายหนุ่มที่แกล้งดึงๆ เอาไว้ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือ
ห้องพักสะอาดสะอ้านอย่างผิดความคาดหมาย หญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะรีบเปิดกระเป๋าเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพราะใบหน้าซีดเผือดแถมมือยังเหี่ยวย่นค่อนข้างมาก ซึ่งนั่นคงเป็นผลของความหนาวเหน็บที่แทบจะกัดกินเข้าไปถึงกระดูก
“เปิดห้องน้ำจะเจอตุ่มน้ำหรือเปล่าว๊ะ ตายแน่แกเอ๊ย ถ้าต้องอาบน้ำเย็นๆ จากตุ่ม” หญิงสาวบ่นพึมพำ แต่ก็รีบเข้าห้องน้ำไปทันที ซึ่งเครื่องทำน้ำอุ่นคือสิ่งแรกที่เห็นทำให้คนที่รู้สึกหนาวอยู่สบายใจขึ้น
น้ำอุ่นที่พร่างพรมอยู่บนเรือนร่างเปลือยเปล่าทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางสดชื่นขึ้นมาก การนั่งรถทัวร์มาหนึ่งคืนกับอีกค่อนวันและยังต้องนั่งปุเลงปุเลงมากับรถสองแถวอีกไกลโขจากตัวเมือง ซึ่งเมื่อนึกถึงยิ่งทำให้รู้สึกท้อ แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วอย่างไรคงต้องอยู่ให้ได้ บางทีคนเราก็ต้องแสวงหาพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งนั่นจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะมาเป็นผู้ช่วยเจ้าของไร่แห่งนี้ เสียงเคาะประตูด้านหน้าดังขึ้น คนที่อาบน้ำอยู่รีบออกไปโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวที่สวมใส่เอาไว้ เมื่อมองผ่านช่องประตูด้านหน้าเห็นว่าเป็นผู้หญิงยืนหันหลังให้อยู่ จึงเปิดแง้มประตูและโผล่หน้าออกไปเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตลายสกอตกับกางยีนเก่าและขาด เมื่อดูแล้วคิดว่าไม่น่าจะตามแฟชั่น
ทำให้หญิงสาวที่โผล่หน้าไปยิ้มๆ แต่เมื่อเธอคนนั้นหันมาทำเอาคนที่ยิ้มอยู่
เมื่อสักครู่นิ่งงันไป เพราะแววตาที่ได้เห็นดูน่าเกรงขามเสียจนแทบไม่กล้าจะสบตาด้วย
“หนูชื่อ ปรายฝน ค่ะ เป็นผู้ช่วยของแม่นายใจเดียว”
**เรื่องนี้มีภาคต่อด้วยนะคะ: รัก ณ ปรายฝน
เขียนโดย: ลำเนา
จำนวนหน้า: 215
ขนาด: A5
ของแถม: Postcard
ทดลองอ่าน: คลิ๊ก
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์